Wat Ban Waeng is worth a look for it is the home of Luang Pho Phra Sai, a bronze image of a seated Buddha. Additionally, if you stroll around the grounds of this Wat you will encounter didactical (or instructive) exhibits of statues illustrating various aspects of Buddhist heaven and hell. The series of exhibits illustrate the fate or Karma of any individual who follows or defies the five precepts of Buddhism. For example there is the tree of women which invites the spectator to defy the precept of sexual misconduct. Walk along a bit and you will see what happens if such a temptation gets the better of you. Walking along, you come to an exhibit depicting individuals having their entrails or "innards" torn out for defying the Buddhist precept of killing. Fear not, for you are also treated to the ecstasy of heaven which awaits you if you had been smart enough to follow the 5 precepts and lead a good life.
The statues are colorful and will draw the attention of your entire company as you wander through.
The Wat is divided into two areas. The newer area, still under construction, has a small lake where you can see a newer temple being erected in the middle of the lake. Children and romantics can purchase feed for the fish, relax and enjoy.
Wat Ban Waeng is most noted for enshrining Luang Pho Phra Sri, the Buddha image which is highly revered by locals. The history of this image dates far back and of course as one might guess, has many legends and historical debates attached to its origins and various homes over time. One well known legend tells how Luang Pho Phra Sri was stolen four times between the years 1816 and 1987, but each time eventually returned.
Location: 1km northwest of Ban Phu and 15 km southeast of Phu Phrabat Historical Park. Page 55 Map C3. Open: daylight hours. Friendly Advice: Be respectful and follow all guidelines for visiting Thai temples.
This temple is well known to locals as 'Wat Luang Pornaa' and also known as 'Wat Baan Waeng'.
ประวัติหลวงพ่อนาค
(พระพุทธรูปปางนาคปรก)
หลวงพ่อนาคเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรกซึ่งลักษณะมีนาค 7 หัวชูคออยู่เหนือเศียรองค์พระแล้วขมวดหางเป็น วงขดเข้าหากันทำเป็นแท่นประทับองค์พระหลวงพ่อนาค จากจารึกตรงแท่นพระเป็นตัวอักษรตัวธรรม(ไทรน้อย)โบราณมีความว่า สร้างเมื่อ ปี จ.ศ.170 แห่งพุทธกาล เดือน 3 ขึ้น 13ค่ำ หัวครูคำวงษาเป็นผู้สร้าง รูปลักษณะของหลวงพ่อนาคนี้สวยงามน่าเลื่อมใสมาก โดยเฉพาะพระพักตร์ใบหน้า ซึ่งดูเหมือนว่าท่านยิ้มนิดๆ อารมณ์ดีตลอดเวลา และในองค์ของหลวงพ่อนั้นว่ากันว่า ตรงหัวใจขององค์ท่านเป็นทองคำแท้อยู่ภายใ และมีอัฐฐาตุ(กระดูก)ของพระอรหันตุบรรจุอยู่ภายใน หลวงพ่อนาคประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัยศรีซึ่งเป็นวัดเก่า แก่ ตั้งแต่สมัยโบราณกาลเดิม วัดโพธิ์ชัยศรีแห่งนี้เป็นพื้น ที่รกชัฏ ถูกค้นพบโดยได้มีนายสีและนาย แสนกับคณะอีก 5 คน ประมาณพ.ศ. 2100 ซึ่งขณะนั้นคณะของนายสีและนายแสนได้เดินทางเข้าป่า เพื่อหาอาหารและล่าสัตว์ป่าเมื่อเดินทางมาถึงที่วัดร้างแห่งนี้ ซึ่งปกคลุมไปด้วยต้นไม้หนาทึบ มีทั้งสัตว์ป่าและนกมาก มายพากันมาจิกกินลูกโพธิ์ไทรต้นหนึ่งล่างเสียงเจี้ยวจ้าวไปทั่วป่าคณะของนายสีและนายแสน จึงเข้าไปดูใกล้ๆต้นโพธิ์ ไทรนั่น และได้เห็นสิ่งปรักหักพังอันแสดงได้ว่าเป็นวัดเก่า เมื่อมองเข้าไปก็พบพระพุทธรูปองค์ใหญ่องค์หนึ่ง หน้าตัก กว้าง ประมาณ 4 ศอก สุงประมาณ 6 ศอก เนื้อพระพุทธรูปองค์ใหญ่นี้ชาวบ้านเรียกว่าองค์หลวงพ่อตื้อ ซึ่งขณะนี้ประดิษฐานอยู่ที่ศาลาการเปรียญวัดโพธิ์ชัยศรี เมื่อนายสีและนายแสนพร้อมคณะเดินไปรอบๆบริเสณนั้นก็ได้พบเห็นใบเสมาซึ่งสกัดจากหินศิลาดาดเมื่อมองไปรอบๆก็ได้เห็นพระพุทธรูปปางนาคปรก 2 องค์มีขนาดหน้าตัก กว้าง 12 นิ้ว สูง 12นิ้ว เท่ากันและ หลังจานั้นนายสีและนายแสนพร้อมคณะก็ได้ตกลงกันว่าจะอพยพมาตั้งถานฐานอยู่ที่นี้ด้วยเห็นว่าบริเวณวัดแห่งนี้มี ความอุดมสมบูรณ์ดี วัดนี้ตั้งอยู่หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านผือ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ห่างจากอำเภอบ้านผือไปทางทิศตะวันตก ถนนสายอำเถอน้ำโสมประมาณ 4 กิโลเมตรวัดโพธิ์ชัยศรี นี้มีบ่อน้ำสองบ่อแต่ที่น่าแปลกใจคือมีบ่อน้ำบ่อหนึ่งซึ่งน้ำใส
นี้มีบ่อน้ำสองบ่อแต่ที่น่าแปลกใจคือมีบ่อน้ำบ่อหนึ่งซึ่งน้ำใสสะอาดใช้ดื่มได้ลึกประมาณ 8-9 เมตรซึ่งในช่วงฤดูหนาว น้ำในบ่อจะอุ่นมากากว่าบ่อน้ำทั่วๆไปพอถึงฤดูร้อนน้ำในบ่อจะเย็นจนหนาวคนรุ่นนี้เคยเ ห็นน้ำในบ่อแห้งมาแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งปกติน้ำในบ่อจะแห้งถ้ามีผู้กระทำผิดน้ำในบ่อจะแห้งเมื่อน้ำในบ่อแห้งจะมีพิธีขอขมาลาโทษน้ำ โดยชาวบ้านจะนำ ดอกไม้ธูปเทียนมารวมกัน โดยหัวหน้าจะกล่าวขอขมาเจ้าที่ เจ้าทางแทนคณะทั้งหมดแล้วแล้วทุกคนจะตักน้ำในลำห้วยมาคนละขันเทใส่บ่อวันรุ่งขึ้นจะมีน้ำขึ้นมาอยู่ในระดับเดิม จากคำบอกเล่ากล่าวว่าหลวงพ่อนาคโดนขโมยไปแล้ว4 ครั้ง เมื่อ พ.ศ.2395 พ.ศ.2479 พ.ศ.2572และ พ.ศ. 2530 ตามลำดับแต่ทุกครั้งก็เกิดเหตุปาฏิหารย์ขึ้นทำ ให้หลวงพ่อนาค ได้กลับมาประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัยศรีตาม เดิม จากคำบอกเล่าของชาวบ้านหลายท่านที่บูชาพระกริ่ง
หลวงพ่อนาคไว้กับตัวนั้นกล่าวว่าได้เกิดเหตุปาฏิหาร์กับตนมากมายหลายครั้งบ้างก็ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง บ้างก็ประสบเหตุต่างๆนานา แต่ก็รอดตายได้อย่างปาฏิ- หารย์ ผู้ที่ได้สักการะบูชาหลวงพ่อนาคย่อมปราศจากภัย พิบัติอันตรายต่างๆทั้งปวงดุจพญานาคมุจจลินทร์ขึ้นมาจากสระแก้วแล้วขดห่งเป็น 7 รอบแผ่พังพานเพื่อป้องกันอัน ตรายต่างๆทีค่จะมาแพ้วพานพระวรกายของพระพุทธเจ้า นั้น
- wat_baan_waeng.jpg (99.11 KiB) Viewed 9055 times
